เมนู

3. ตติยอภิสันทสูตร



ห้วงบุญกุศล 4 ประการ



[1611] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญห้วงกุศลอันเป็นปัจจัยนำมา
ซึ่งความสุข 4 ประการนี้ 4 ประการนี้ไฉน อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ ๆ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้จำแนกธรรม นี้เป็นห้วงบุญห้วง
กุศลอันนำมาซึ่งความสุขประการที่ 1 อีกประการหนึ่ง อริยสาวกประกอบ
ด้วยความเลื่อมในอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม... นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลอัน
นำมาซึ่งความสุขประการที่ 2 อีกประการหนึ่ง อริยสาวกประกอบด้วยความ
เลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์... นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลอันนำมาซึ่ง
ความสุขประการที่ 3 อีกประการหนึ่ง อริยสาวกเป็นผู้มีปัญญา คือ ประกอบ
ด้วยปัญญา อันเป็นเหตุให้ถึงความเกิดและความดับเป็นอริยะ เป็นไปเพื่อ
ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลอันเป็น
ปัจจัยนำมาซึ่งความสุขประการที่ 4 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญห้วงกุศล
อันเป็นปัจจัยนำมาซึ่งความสุข 4 ประการนี้แล.
[1612] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ใคร ๆ จะนับจะประมาณบุญของ
อริยสาวกผู้ประกอบด้วยห้วงบุญห้วงกุศล 4 ประการนี้ว่า ห้วงบุญห้วงกุศล
อันเป็นปัจจัยนำมาซึ่งความสุข มีประมาณเท่านี้ มิใช่กระทำได้โดยง่าย ที่แท้
ห้วงบุญห้วงกุศลย่อมถึงความนับว่า เป็นกองบุญใหญ่ จะนับจะประมาณมิได้
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า

[1613] ผู้ใดต้องการบุญ ตั้งมั่นในกุศล
เจริญมรรคเพื่อบรรลุอมตธรรม ผู้นั้น
บรรลุธรรมที่เป็นสาระ ยินดีในธรรมเป็น
ที่สิ้นไป (แห่งอาสวะ) ย่อมไม่หวั่นไหว
ในเมื่อมัจจุราชมาถึง.

จบตติยอภิสันทสูตรที่ 3

อรรถกถาตติยอภิสันทสูตร



พึงทราบอธิบายในตติยอภิสันทสูตรที่ 3.
คำว่า ปุญฺญกาโม คือ ผู้ต้องการบุญ. คำว่า ผู้ตั้งมั่นในกุศล คือ
ผู้ตั้งอยู่ในมรรคกุศล. คำว่า เจริญมรรคเพื่อบรรลุอมตธรรม คือ เจริญ
อรหัตมรรค เพื่อบรรลุนิพพาน. ในบทว่า ผู้บรรลุธรรมที่เป็นสาระ มี
วิเคราะห์ว่า ธรรมที่เป็นสาระคือ อริยผล ท่านเรียกว่า ธรรมที่เป็นสาระ การ
บรรลุธรรมที่เป็นสาระของบุคคลนั้น มีอยู่ เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อว่า ผู้บรรลุ
ธรรมที่เป็นสาระ อธิบายว่า ผู้บรรลุผล. คำว่า ยินดีในธรรมเป็นที่สิ้นไป
คือ ยินดีในความสิ้นกิเลส.
จบอรรถกถาตติยอภิสันทสูตรที่ 3